กรมชลประทาน ลงพื้นที่ศึกษาความเหมาะสมโครงการชลประทานขนาดกลาง จ.น่าน พร้อมดึงระบบ IoT จัดการน้ำอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตรอย่างยั่งยืน
กรมชลประทาน ลงพื้นที่ศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุง 6 โครงการชลประทานขนาดกลาง จ.น่าน ผ่านการเปิดเวทีระดมความคิดเห็น ดึงภาครัฐ ภาคประชาชน กลุ่มบริหารการใช้น้ำ เข้ามามีส่วนร่วม สร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการฯ พร้อมเสนอแนวทางติดตั้งและประยุกต์ใช้ระบบโทรมาตร IoT เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้เกษตรกรและประชาชนมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน
โครงการชลประทานขนาดกลางในเขต
จ.น่าน ได้ดำเนินการก่อสร้างและบริหารจัดการน้ำในพื้นที่มาเป็นระยะเวลานาน
บางโครงการมีการใช้งานมามากกว่า 40 ปี กรมชลประทาน ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
การปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลางในเขตจังหวัดน่าน
จึงจำเป็นต้องมีแผนการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำและปัญหาอุทกภัย
กรมชลประทานจึงดำเนินการศึกษาความเหมาะสมการปรับปรุงโครงการชลประทานขนาดกลางในเขตจังหวัดน่านเพื่อศึกษาจัดทำรายงานแผนหลักการบริหารจัดการน้ำ
และรายงานการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ และคัดเลือกโครงการจากแผนหลักที่มีความซับซ้อนมาศึกษาความเหมาะสมเพื่อศึกษารายละเอียด
จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครงการฝายน้ำกอน โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำพงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
โครงการฝายสมุน โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต โครงการฝายสา และโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำแหง
โดยทั้ง 6
โครงการที่คัดเลือกประกอบด้วย โครงการฝายน้ำกอน จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกตะกอนทราย
0.04 ล้าน ลบ.ม โครงการฝายสมุน จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกหน้าฝายและเพิ่มระดับเก็บกัก
0.51 ล้าน ลบ.ม โครงการฝายสา จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกตะกอนทราย
0.4 ล้าน ลบ.ม โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกตะกอนทรายและเพิ่มระดับเก็บกัก
0.74 ล้าน ลบ.ม โครงการอ่างเก็บน้ำน้ำแหง จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกตะกอนทรายและเพิ่มระดับเก็บกัก 1.51 ล้าน ลบ.ม และโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำพง จะมีปริมาณน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขุดลอกตะกอนทราย
0.14 ล้าน ลบ.ม
ซึ่งทุกโครงการสามารถสร้างประโยชน์และลดปริมาณการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ชลประทานเดิม เพิ่มความมั่นคงด้านน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับส่งเสริมการปลูกพืช
เพาะปลูกได้เต็มพื้นที่ทั้งในปีน้ำมาก น้ำปานกลาง
ปีน้ำน้อยเพิ่มผลประโยชน์ด้านเกษตรชลประทาน นายศุภชัยฯ กล่าว
ผลการศึกษาโครงการฯ
ได้มีการนำแนวทางติดตั้งและประยุกต์ระบบโทรมาตรควบคุมทางไกลและระบบ Internet of
Things (IoT)
มาใช้สร้างระบบบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ ติดตามควบคุมการส่งน้ำให้มีประสิทธิภาพ
ส่งน้ำได้ตรงความต้องการใช้น้ำ
สนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farm) สร้างผลผลิตมูลค่าสูงที่ตลาดต้องการ ประหยัดน้ำและต้นทุนการผลิต
เชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาด
ในครั้งนี้ได้มีประธานและสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยแฮต
ซึ่งได้รับรางวัลสถาบันเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทานดีเด่นระดับกรม อันดับที่ 2
ประจำปี 2565 และ รางวัลเลิศรัฐ
ประจำปี 2566
รางวัลระดับดี ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม ผลงาน “น้ำน้อย ย่อมแพ้ใจ” จากการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในงานชลประทานมานำเสนอเพื่อเป็นแนวทางและต้นแบบให้กลุ่มผู้ใช้น้ำอื่นในพื้นที่
มีความเข้มแข็งในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างเป็นระบบ
ไม่มีความคิดเห็น